เครดิตบูโรเตรียมบันทึกค่าน้ำ ค่าไฟ ในฐานข้อมูลสำหรับพิจารณาสินเชื่อ

เครดิตบูโรเตรียมบันทึกค่าน้ำ ค่าไฟ ในฐานข้อมูลสำหรับพิจารณาสินเชื่อ
วันพุธ ที่ 26 ม.ค. 2554

นายสุรพล โอภาสเสถียร  ผู้จัดการใหญ่บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือ เครดิตบูโร กล่าวว่า ผลดำเนินงานในปี 2553 พบว่ามีสถาบันการเงินขอใช้ข้อมูลประกอบการพิจารณาสินเชื่อประมาณ 16 ล้านบัญชี เพิ่มจากปี 2552 ซึ่งมีอยู่ 13 ล้านบัญชี แสดงว่าในปีที่ผ่านมาสินเชื่อมีการขยายตัวเป็นจำนวนมาก ทำให้ภาวะเศรษฐกิจน่าจะเติบโตได้ต่อเนื่อง และในปี 2554 น่าจะขยายตัวได้ในแนวทางเดียวกัน

ขณะที่ฐานข้อมูลลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างการชำระหนี้มีทั้งหมด 37 ล้านบัญชี โดยเป็นลูกหนี้ไม่ค้างชำระ จำนวน 31.4 ล้านบัญชี แต่เป็นลูกหนี้ที่มีปัญหาหนี้ค้างชำระเกิน 90 วัน มีจำนวน 5.6 ล้านบัญชี คิดเป็นร้อยละ 15 ของบัญชีที่อยู่ระหว่างการชำระหนี้ เป็นมูลหนี้ประมาณ 400,000 ล้านบาท โดยเป็นลูกหนี้สินเชื่อบุคคลมากที่สุด 2.5 ล้านบัญชี รองลงมาคือ บัตรเครดิต 1.3 ล้านบัญชี ตามด้วยสินเชื่อที่อยู่อาศัย 350,000 บัญชี

สำหรับแผนดำเนินงานในปี 2554 ได้เตรียมนำระบบคะแนนเครดิต  (credit scoring) ในการประเมินความเสี่ยงของผู้ขอสินเชื่อ คาดว่าจะเริ่มการให้บริการได้ในเดือนเมษายนนี้ เพื่อเป็นการวัดระดับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า และหากรายใดมีคะแนนดีอาจได้รับการลดดอกเบี้ยจากธนาคารและปล่อยสินเชื่อได้ ง่ายขึ้น และในอนาคตในอีก 1 - 2 ปีข้างหน้า จะมีการเก็บข้อมูลของค่าใช้จ่ายสาธารณูปโภค เช่น ค่าน้ำค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ มาในระบบเครดิตบูโร เพื่อเป็นฐานข้อมูลเบื้องต้นในการพิจารณาสินเชื่อ  โดยต้องมีการแก้กฎหมายการจัดตั้งองค์กร เปลี่ยน ข้อความการจัดเก็บข้อสินเชื่อให้คลอบคลุมค่าใช้จ่ายด้านอื่น เนื่องจากในต่างประเทศทั่วโลกใช้ข้อมูลดังกล่าวในการพิจารณาข้อมูลกันจนเป็น มาตรฐานแล้ว เพราะเห็นว่าหากค่าน้ำ ค่าไฟ ยังติดค้างชำระอาจชำระสินเชื่อได้ยากเช่นกัน.

-สำนักข่าวไทย