อยากซื้อรถแต่ติดแบล็คลิสต์จะกู้เงินธนาคารซื้อรถได้ไหม

     ทุกคนต่างมีความประจำในการใช้รถแตกต่างกันออกไป ผู้คนส่วนใหญ่มักจะกู้เงินธนาคารซื้อรถด้วยกันทั้งนั้นด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่าไม่ต้องการสูญเสียเงินก้อนใหญ่หรืออาจจะไม่มีเงินก้อนใหญ่ที่จะมาซื้อรถนั้นเอง จึงเป็นเหตุให้ต้องกู้เงินธนาคารซื้อรถทั้งรถป้ายใหม่แดงและรถเก่า รถมือสอง แต่ก็มีกลุ่มคนจำนวนไม่น้อยเลยที่กู้เงินธนาคารซื้อรถแล้วไม่อนุมัติ อันเกิดจากหลายปัจจัยด้วยกันแต่ที่แน่ๆ การติดแบล็คลิสต์นั้นก็หนึ่งในหลายปัจจัยการที่กู้เงินธนาคารซื้อรถแล้วไม่อนุมัติ

     การติดแบล็คลิสต์นั้นคืออะไร ติดแบล็คลิสต์ก็คือการที่เราขอกู้เงินมาแล้วไม่ชำระหนี้คืนเลย ทำให้เกิดหนี้เสียและเป็นเหตุให้มีประวัติเครดิตในการชำรหนี้เสียตามไปด้วย ทางสถาบันการเงินก็จะขึ้นชื่อบัญชีของคุณไว้ว่าเป็นบุคคลที่ไม่มีความรับผิดชอบในการชำระหนี้คืน(ติดแบล็คลิสต์) ในอนาคตการขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินนั้นๆหรือสถาบันการเงินอื่นอาจจะไม่ได้รับการอนุมัติผ่านถ้าไม่ได้มีการแก้ไขประวัติหนี้เสียก่อน (กู้แล้วไม่ยอมจ่ายคืน)

     รายงานข้อมูลเครดิตจากเครดิตบูโรนั้นไม่ใช่รายงานการติดแบล็คลิสต์แต่อย่างใด แต่เป็นการรายงานแสดงข้อมูลเครดิตในส่วนของประวัติการในชำระสินเชื่อต่างๆกับสถาบันการเงินตลอดช่วงระยะเวลาหนึ่ง โดยจะแสดงประวัติการชำระสินเชื่อย้อนหลังไม่เกิน 24 เดือน  ดังนั้นหากประวัติการชำระสินเชื่อในอดีตไม่ดี ปัจจุบันจะต้องพยายามชำระหนี้สินเชื่อต่างๆให้ตรงวันนัดชำระเพื่อให้มีประวัติชำระ ณ ปัจจุบันชำระตรง ไม่ให้มีการล่าช้าแสดง จะแสดงให้เห็นได้ว่าปัจจุบันมีระเบียบวินัยทางการเงินมากขึ้นกว่าอดีตที่ผ่านมาแล้วยังสามารถสร้างโอกาสให้แก่ตนเองที่จะขอกู้เงินธนาคารซื้อรถได้รับโอกาสผ่านมากขึ้นกว่าประวัติเครดิตในการชำระเงินคืนที่มีประวัติเสีย ดังนั้นสิ่งที่ผ่านไปไม่สามารถกับไปแก้ไขได้ ประวัติเครดิตที่เสียในอดีตก็ไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงแก้ไขประวัติเดิมได้ เวลาจะขอกู้เงินธนาคารซื้อรถทางธนาคารจะมีใบเซ็นยินยอมให้ตรวจเช็คข้อมูลเครดิตจากเครดิตบูโรทุกครั้งเพื่อใช้ประกอบในการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อรถ

โอกาสและความเป็นไปได้ที่กู้เงินธนาคารซื้อรถแต่ติดแบล็คลิสต์ได้ไหม จะอนุมัติสินเชื่อรถผ่านมากน้อยเพียงใด

  • ติดแบล็คลิสต์ รถยนต์ รถโดนฟ้อง รถถูกยึด ชื่อบุคคลที่ใช้กู้เงินธนาคารซื้อรถนั้นต้องบอกได้คำเดียวเลยว่าหมดสิทธิ โอกาสที่จะขอกู้เงินธนาคารซื้อรถอีกคงเกือบเท่ากับ 0%
  • ติดแบล็คลิสต์ รถจักรยานยนต์ ถูกฟ้อง ถูกยึด โอกาสกู้เงินธนาคารซื้อรถเหมือนกับติดแบล็คลิสต์รถยนต์คือ เกือบเท่ากับ0%
  • ติดแบล็คลิสต์เรื่องที่อยู่อาศัย บ้าน คอนโด ถูกฟ้อง ถูกยึด โอกาสกู้เงินธนาคารซื้อรถผ่านนั้นค่อนข้างน้อย โอกาสความเป็นไปได้ 30 - 50%
  • ติดแบล็คลิสต์บัตรเครดิต ไม่จ่ายชำระคืนหนี้แล้ว เป็นหนี้อยู่ 30000 / 50000 / 100000 โอกาสกู้เงินธนาคารซื้อรถผ่านนั้น 50 - 50%
  • ติดประวัติล่าช้า ค้างจ่าย1งวด ค้างจ่าย2งวด ประนอมหนี้ยังผ่อนปกติ ปรับโครงสร้างหนี้ยังผ่อนปกติ ทั้งบ้านและบัตรเครดิต การจะขอกู้เงินธนาคารซื้อรถนั้นโอกาสสินเชื่อผ่าน 60 - 80%
  • เคยติดแบล็คลิสต์บัตรเครดิต โดยไม่ได้ชำระหนี้บัตรเครดิตแต่ปัจจุบันได้มีการเคลียร์ยอดหนี้ครบเรียบร้อย การจะขอกู้เงินธนาคารซื้อรถนั้นโอกาสสินเชื่อผ่าน 80 - 90%

     การขอกู้เงินธนาคารซื้อรถเป็นไปตามเงื่อนไขของธนาคารเป็นผู้กำหนดและเป็นผู้พิจารณาสินเชื่อ โอกาสและความเป็นไปได้ที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้น  อย่าลืมเสียว่าถ้าคุณมีประวัติในการชำระหนี้คืนที่ไม่ดีและต้องการจะขอกู้เงินธนาคารซื้อรถโดยที่ไม่มีบุคคลค้ำประกันรถยนต์ ต้องการขอกู้เพียงคนเดียวโอกาสการที่จะกู้เงินธนาคารซื้อรถก็ยิ่งได้รับโอกาสน้อยลงไปอีก   ดังนั้นผู้ที่ประวัติการชำระสินเชื่อที่ไม่ดีจะต้องมีผู้ค้ำประกันรถยนต์ที่รายได้มั่นคง ไม่ได้เช่าบ้านอยู่  มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งแน่นอน  ไม่ติดประวัติเครดิตที่ไม่ดีด้วยเสมอ

     ไฟแนนซ์รถที่ให้สินเชื่อรถหรือปล่อยสินเชื่อรถแบบง่ายๆ ไม่เช็คเครดิตบูโร ไม่เช็คแบล็คลิสต์ ใช้เพียงบัตรประชาชนกับทะเบียนบ้านเท่านั้นในการขอสินเชื่อรถ อนุมัติง่ายๆย่อมมีสิ่งที่ต้องมาแลกเปลี่ยนเป็นแน่นอน สิ่งนั้นก็คือดอกเบี้ยที่สูงเป็นเท่าตัวและวงเงินที่ให้สินเชื่อก็จะน้อยกว่าปกติถึง 30% ถ้าคุณขอสินเชื่อรถกับไฟแนนซ์รถที่ไม่เช็คเครดิตแล้ว คุณต้องชำระหนี้ให้ตรงกับวันนัดชำำระเพราะว่าคุณจะถูกเรียกเก็บค่าดอกเบี้ยปรับชำระล่าช้า ค่าติดตาม หนังสือทวงถามค่อนข้างสูงเลยทีเดียว

     การไม่ติดแบล็คลิสต์ ไม่มีประวัติข้อมูลเครดิตในด้านลบ โดยผู้มีประวัติเครดิตในการผ่อนชำระสินเชื่อต่างที่ดี คงรักษาประวัติเครดิตที่ดีไว้ตลอดเป็นเครื่องการันตีในการมีวินัยทางการเงิน ย่อมเป็นต่อและได้รับโอกาสดี ดี ในการขอสินเชื่อต่างๆกับธนาคารเป็นต้นทุนอยู่แล้ว  คิดจะเป็นหนี้ควรมีการวางแพลนและดูถึงขีดจำกัดของตนเองด้วยเสมอ